จุดเริ่มต้นมาจากการชอบทำสีผม ชอบคนทำสีผม ตอนเด็กๆ เราไม่รู้กระบวนการทำสีผมว่าต้องทำยังไง ทำไมที่ไทยมันไม่มีแบบนี้? เราไปเปิดเจอหนังสือญี่ปุ่น ทำไมสีผมมันสวยจัง ก็เลยเริ่มศึกษา ลองหาข้อมูล หาในเน็ตจนเจอว่าที่ไทยมีขายสีผมพังก์ที่ไหน ก็เลยได้ลองทำดู จำได้ว่าตอนนั้นน่าจะอายุยี่สิบต้นๆ
ตุ้ยขายของอยู่ที่สวน มีความรู้สึกว่าที่สวนจตุจักรเป็นแหล่งรวมการแต่งตัวที่หลากหลาย คนแต่งตัวจัดๆ ส่วนใหญ่ จะมาจากจตุจักรก่อน ไม่ว่าจะเป็นสายพังก์ สายวินเทจ หรืออะไรก็แล้วแต่ เราก็จะมองว่า เฮ้ย! เค้าแต่งตัวชัดดี เลยลองเริ่มแต่ง มีหลายๆ คนที่นั่นเป็นแรงบันดาลใจให้เรา มีความรู้สึกว่าเค้ากล้า เราเลยต้องกล้าที่จะลองทำ พอได้ลองทำก็รู้สึกชอบ อย่างเช่น 'พี่ป๊อป หูใหญ่' (IG: @popnotabout) คือชอบเลย ปลื้มเค้าในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องทำงาน หรือเรื่องแต่งตัว ด้วยความที่เค้ามีคาแรคเตอร์ชัดเจน ทัศนคติดี มารยาทก็ดี พี่ป๊อปเป็นคนสุภาพมาก เป็นคนที่เราเจอทีไร จะเขินทุกที!
ก็เละเทะ เคยลองผิดลองถูกมาเยอะ แต่เราเป็นคนกล้า กล้าที่จะลอง อย่างสีผมเราก็เริ่มจากสีเทาก่อน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแรงขึ้น คำว่า 'แรงขึ้น' ตรงนี้ หมายถึงมันจะยังอยู่ในขอบเขตของความเป็นเราเสมอ เหมือนที่เพื่อนๆ ของตุ้ยจะรู้ว่าแบบไหนเป็นเอกลักษณ์ของเรา สไตล์ไหนคือตุ้ยแน่นอน
ทุกคนจะพูดถึงเรื่องสีสัน เรื่องผม การกรีดตาหนาและแน่น แค่นั้นแหละค่ะ
เราคิดว่าการแต่งตัวไม่ได้บ่งบอกทุกอย่าง ในความจัดจ้าน...หัวใจเราต้องมีอีกด้านของความน่ารักด้วย หลายๆ คนอาจจะไม่เคยได้สัมผัสเราจริงๆ มองว่าเราแรงจัง แต่พอได้คุยแล้วจะคิดอีกแบบเลย เราค่อนข้างชอบคนสุภาพ เสื้อผ้าใครจะแต่งยังไงก็ได้ แต่เรื่องแต่งใจ เป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก เพราะอะไรที่ไม่ได้ออกมาจากใจ มันก็ไม่ใช่แล้ว
คนที่คิดแบบนี้ ตุ้ยมีความรู้สึกว่าเค้าไม่เข้าใจมากกว่า คนที่แต่งตัว เค้าต้องชอบ คำว่า 'ชอบ' คือใจก็ต้องมา เราทุกคนอยากให้คนมองแบบดีๆ ไม่มีใครอยากถูกมองแล้วโดนนินทา เราไม่รู้หรอกว่าเค้าจะชอบหรือไม่ชอบเรา แต่ก็ไม่เป็นไร ตุ้ยถึงชอบไปแฮงก์เอาท์อยู่ในสถานที่ๆ คนเข้าใจ ให้เกียรติกัน ไม่มานั่งเหยียดกัน ว่าใครเป็นอาชีพไหน เพศไหน ชอบไปอยู่ในที่ๆ คนจะไม่ตัดสินเรา
เยอะค่ะ โดนมาทุกอย่าง บ่อยๆ ก็คือโดนเหยียดด้วยสายตา คนไม่เข้าใจก็จะมองว่า เฮ้ย! แรงว่ะ น่ากลัว แต่พอผ่านมานาน เราก็ชิน ทำใจได้ ส่วนคนที่เข้าใจเราก็ขอบคุณมาก
มีๆ ค่อนข้างบ่อย บอกว่าชอบสไตล์การแต่งตัวของเรา ซื้อของที่ไหน ทำผมที่ไหน เราก็บอกทุกอย่างนะ ไม่กั๊ก ไม่จำเป็นต้องกั๊ก เพราะมันไม่มีใครจะเหมือนใครได้ เรามั่นใจ ให้เราไปก๊อปใคร มันก็ไม่เหมือน เค้าก็คือเค้า มันได้แค่ละม้ายคล้าย แต่มันไม่ใช่...
เอาจริงๆ เรื่องการแต่งตัว เราไม่มีคนที่เป็นต้นแบบ เพราะเป็นคนแต่งมั่ว มั่วในแบบที่เป็นตัวเรา จะไม่เอาของใครมาทั้งดุ้น แต่จะชอบเอาหลายๆ ชิ้นมา Mix & Match กันมากกว่า ถามว่ามีอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งตัวมั้ย ไม่มีนะ ส่วนตัว เป็นคนชอบเพลงอกหัก ไม่ได้ช่วยเรื่องอินเนอร์ในการแต่งตัวใดๆ แต่การแต่งตัว ช่วยเยียวยาหัวใจเราได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เราชอบ เราเป็นคนอ่อนไหวอยู่แล้ว อย่างถ้าเราเศร้ามาทั้งวัน การแต่งตัวมันจะช่วยเติมความสนุก ทำให้เราลืมความทุกข์ไปได้บ้าง
เป็นคนที่คิดก่อนซื้อ คิดแล้วว่ามันจะใช้ได้หลายโอกาสและยาวนาน ไม่ได้ซื้อมาเพื่อใช้ในโอกาสเดียว คิดแล้วคิดอีก ชิ้นนี้เหมาะนะ และสามารถขายต่อได้ ตุ้ยคิดแล้วค่ะ เป็นคนลงทุนไม่เยอะหรอก เพราะมีทั้งของมือสอง มือหนึ่ง ชอบอะไรก็ซื้อ แต่ต้องชอบจริง ซื้อทิ้งซื้อโยนก็ไม่เอา เสียดายเงิน อยากเอาเงินไปเลี้ยงหมาแมวดีกว่า...
ตุ้ยใช้จ่ายในสถานะที่หาเงินเองได้ คำว่า 'หาได้' คือเราช่วยที่บ้านอย่างเต็มที่ ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษใดๆ ในการทำงานกับที่บ้าน พอเรารับผิดชอบได้ ที่บ้านก็จะเปิดใจ
ซื้อที่สวน ไปจนถึงใน IG แล้วแต่ว่าของที่เราต้องการมันอยู่ในช่องทางไหน แล้วลองเปิดใจแต่ละที่ ไม่เกี่ยงราคาเลยนะ ถ้าชอบขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่เวลาจะซื้ออะไร จะปรึกษาน้องชายที่เก่งภาษาอังกฤษ เค้าจะรู้ว่าอันไหนแท้อันไหนเทียม คือถ้าเรารู้ว่าเราไม่ฉลาดเรื่องไหน ต้องให้คนที่เราไว้ใจช่วยเรา มันจะได้ไม่เสียค่าโง่!
อยากให้คนมองเราว่า 'ใจสวย' มากกว่า คือเรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้แต่งตัวเพื่อให้เราดูสวย แต่แต่งตัวเพราะความชอบ
เมื่อก่อนที่บ้านก็ไม่แฮปปี้หรอก ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกมีรอยสักเยอะขนาดนี้ แต่เราก็พยายามพูดกับเค้าว่า ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง จะสักเยอะแค่ไหน สุดท้ายก็ยังทำงานรับผิดชอบในหน้าที่ได้ ไม่เคยขาดตกบกพร่อง พ่อแม่ถึงว่าเราไม่ได้เลยในเรื่องการแต่งตัวหรืออะไรก็ตาม คือตุ้ยมีความรับผิดชอบสูงมาก โอเค...เราอาจจะมีวันที่เมาถึงตีห้า แต่ถ้าแปดโมงเช้าต้องตื่นไปทำงาน เราทำได้ คือเราต้องมีสปิริต พูดไปแล้วต้องทำให้ได้ ไม่งั้นรอบต่อไปไม่ได้ออก!
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตุ้ยคิดดีแล้ว ไม่เคยพลาดเรื่องรอยสัก ไม่เคยมีงานแก้ ทำแล้วต้องสวย ต้องสุด เรื่องแต่งตัวไม่เคยคิดมาก เอาทุกอย่างมารวมกันได้ เพราะรู้ว่าเอาอยู่ แต่เรื่องรอยสักกับสีผมนี่ไม่ได้เลย ละเอียดเรื่องนี้มาก!!!
จริงๆ ที่บ้านค่อนข้างปล่อย ถึงจะเป็นลูกคนเดียวก็ตาม อย่างรอยสักแรกพ่อก็พาไป สักเป็นลายขนนกเล็กๆ เบาๆ หวานๆ ตอนนั้นก็อายุ 25 แล้วนะ เริ่มช้ามาก (หัวเราะ) ต่อมาก็เริ่มลามไปเรื่อยๆ จนถึงคอ ที่สักเป็นรูปแมว เพราะเราเป็นทาสแมว มีแพลนจะไปสักที่หัว ด้วยความที่เราถักผม ทำผมเยอะมาตลอดทั้งปี ถึงเวลาที่เราต้องพักหัวบ้าง ก็คิดว่าถ้าเราไม่มีผม อย่างน้อยก็ยังมีลายอยู่บนหัว นี่คุยกับพี่เสร็จ ก็จะไปโกนหัวแล้วนะ...
เพื่อนบอก "เฮ้ย มึง...ไม่ดุเลย!" กลายเป็นน้องใหม่ เป็นอีกลุคหวานๆ (หัวเราะ)
งานประจำคือการขายเสื้อผ้าสไตล์มัดย้อมที่สวนจตุจักร ไม่มีชื่อร้านนะคะ เพราะลูกค้าก็จะจำกันได้ว่าตุ้ยอยู่ตรงนี้ ตรงโครงการ 23 ซอย 6 เป็นของที่บ้านที่ทำมา 20 ปีแล้ว อยู่ที่สวนตั้งแต่เศรษฐกิจดีๆ จนซบเซาสลับกันไป
เราเปิดเพจ "บ้านกัญญาภัทร์ - เพื่อหมาแมวที่ถูกทอดทิ้ง" มีตุ้ยเป็นแอดมินดูแลประจำ เพิ่งเปิดได้ประมาณ 3 ปี แต่ก่อนหน้านั้นคุณแม่เลี้ยงหมามาเกือบ 25 ปีแล้ว ซึ่ง 17 ปีแรก ใช้ทุนส่วนตัวของที่บ้านช่วยเหลือสัตว์เอง ไม่มีการเรี่ยไรใดๆ ทั้งสิ้น แล้วพอหลังๆ มันเริ่มมีเคสเยอะขึ้น มีทั้งคนเอามาทิ้งด้วย หรือเอาไปทิ้งที่โรงพยาบาล แล้วไม่รักษาต่อ แม่สงสารก็รับมา รับจนมันล้น จนเรามีความรู้สึกว่าต้องทำเพจแล้วล่ะ เพราะไม่งั้นเราจะเอาไม่อยู่ คือบ้านเราเริ่มไม่ไหวแล้ว แต่ก็พยายามทำให้เต็มที่ เพราะทำด้วยใจจริงๆ โดนไล่ที่มาสามครั้งแล้ว คือถ้าคนไม่รักอะ ต่อให้เราทำยังไงก็คือไม่รัก ตอนนี้มีที่ดูแลรวมๆ แล้ว 475 ตัว...
เราเป็นคนเซ้นซิทีฟกับเรื่องนี้มาก ตั้งแต่จำความได้ ลืมตามาก็เจอหมาแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่บ้านอยากช่วยทุกชีวิต แต่ก็ไม่ได้มีกำลังมากพอขนาดนั้น ทุกวันนี้ไม่ได้ต้องการเงินจากใคร แต่แค่ต้องการให้พวกเค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดี...อยากฝากบอกคนที่กำลังอ่านอยู่ ถ้าคิดว่าเลี้ยงไม่ได้ ก็อย่าเริ่มตั้งแต่แรก อย่าไปทอดทิ้งเค้า เค้าก็มีชีวิต อย่าไปผลักภาระให้คนอื่น
สุขคนเราไม่เหมือนกัน ตุ้ยก็ยังเป็นคนชอบแต่งตัว ที่ได้เลี้ยงหมาแมวไปด้วย ไม่เห็นจำเป็นต้องหยุดทำอย่างหนึ่ง เพื่ออีกอย่างหนึ่งเลย
ก็น่าจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อาจจะไม่มีสีสันเยอะขนาดนี้ มีความสุภาพกว่าเดิม หมายถึงแต่งตัวตามวัย แต่ยังคงความเป็นเรา แต่ถ้าตอนนี้ อายุเท่านี้ ก็แต่งให้สุดไปเลย เหมือนรอยสัก ถ้าเกินกว่านี้ก็คงไม่ใช่แล้วล่ะ
ไม่อยากให้แต่งตัวตามใคร ชอบอะไรก็แต่งไป ของไม่ต้องแพงก็ได้ สวยไม่สวยอยู่ที่เรา...
อย่างใน IG ที่เคยเขียนว่า 'กิมตุ่ยผู้มีกิมมิค' เพราะคิดว่า ที่คนจดจำเราได้ ก็เพราะเราเป็นเรา และเราไม่มีสิทธิ์ไปสอนชีวิตใคร ถ้าชีวิตของเรายังห่วยแตกอยู่ อย่าว่าคนอื่นเค้าเลย ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซนต์ ตุ้ยมั่นใจ อย่าไปว่าคนอื่นเค้า ไม่มีใครสมควรต้องโดนด่าฟรีๆ
ตุ้ยไม่เคยมองใครว่าเป็นยังไง ทุกคนมีสิทธิ์แหละ ขนาดเรายังโดนคนนินทาเลย คนไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องไปว่าใคร แต่ให้อยู่ในความพอดี พองาม...พอแล้ว!
(หัวเราะ) 'ใหม่' เป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ส่วนชื่อ 'ตุ้ย' จริงๆ มันมาจากภาษาใต้ เป็นคำทะลึ่งๆ หน่อย เราเป็นคนชอบคุยเล่นแบบนี้ เพื่อนๆ ก็เลยเรียก ตุ้ยๆๆ ตั้งแต่นั้นมา พอเริ่มแต่งตัวปุ๊บ เพื่อนก็จะชอบมาบอกว่า เห็นอะไรแบบนี้ สไตล์แบบนี้ จะต้องนึกถึงเรา เราเลยรู้สึกว่าเป็นกิมมิคดี พอพูดคำว่า 'กิมมิค' ก็ลองเอามาบวกกับ 'ตุ้ย' กลายเป็น 'GRIMTUI' แค่นั้นเองค่ะ!
#CheezeLooker #CHZ #Online #04 #StyleWeCantBuy
THE STORIES BEHIND THE TATTOOS ผู้ชาย 15 คน ต่างเหตุผล ต่างความชอบ ต่างที่มา กับ 'รอยสัก' 'เรื่องเล่า' และ 'ความทรงจำ' ...ที่ลบไม่ได้!!!
พร้อมไอเท็มสุดเอ็กคลูซีฟ THE LEMTOSH S.E.A. 2024 LIMITED EDITION เฉพาะที่มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทยเท่านั้น!
ความทรงจำครั้งใหม่ที่แซ่บจนต้องจือปากทั้งออนสเตจและหาดทราย...
10 วิธีแมทช์เนคไทให้ดูชิลล์จนลืมไปเลยว่า Businessman หน้าตาเป็นอย่างไร?!!