- คือตัวหนังมันถูกโปรโมทมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะเป็นการถ่ายแบบ "Long Take" ที่ใช้กล้องเพียงตัวเดียว ให้ได้ลุ้นกันยาวๆ ไม่ต้องหยุดพักหายใจเลย แต่พอได้ไปดูกับตาตัวเองยังรู้สึกแบบว่า เค้าถ่าย Long Take ทั้งเรื่องได้ไง แค่เห็นยังเหนื่อยแทนเลย แล้วมันก็ทำให้คนดูอย่างเราต้องมานั่งลุ้นไปว่า เค้าจะหยุดให้เราพักเบรคตรงไหนบ้าง สรุปคือมันก็มีจังหวะหยุดพักสั้นๆ ให้ทั้งคนดูและนักแสดงได้หายใจ เพราะกว่าจะจบแต่ละเทคนั้นคนถ่ายทำคงอยากทิ้งตัวนอนเป็นแน่ สมแล้วที่คว้ารางวัลจาก Golden Globe มาครอง
- การตัดต่อคือสมูธมาก เชื่อมแต่ละซีนได้อย่างละมุน ลุ้นระทึกได้อย่างไม่รู้สึกติดขัดอะไร เหมือนกับว่าไม่เคยกดปิดกล้องเพื่อหยุดพักเลย!!! และบางซีนนี้ก็ชวนอึ้งๆ ทึ่งๆ เหมือนกันว่า เค้าถ่าย Long Take ซีนนี้ยังไงก่อนนนนน…ทำได้ไง บ้าาาาไปแล้ววววว…โดยเฉพาะซีนเดินลุยโคลนเละๆ เค้าตามถ่าย Long Take ยังไงไม่ให้ล้ม ลื่น หน้าจิ้มโคลน และกล้องก็ต้องตามนักแสดงไวพอสมควรเลย
- ยอมเรื่อง Production Design เหมือนกัน กับการหาโลเคชั่นที่ต่อเนื่องกันขนาดนี้ ทั้งความเรียล ความสมจริง โลเคชั่นคือ The Best ทุกซีน! เรียกว่าเป็นหนังสงครามที่ภาพองค์ประกอบศิลป์สวยมาก สวยแบบที่...ไม่ได้ดูอลังการจนเกินความพอดีที่หนังสงครามควรจะเป็น โดยเฉพาะซีนกลางคืนที่ใช้แสงสว่างจากไฟไหม้ตรงซากตึก มันสวยสะกดจนน่าถ่ายภาพเก็บไว้เลย ให้ลองนึกภาพแสงสีส้มๆ สะท้อนบนใบหน้าคน อาคาร ตึกพัง ตอนกลางคืนกับแสงไฟวูบวาบตาม มันสวยมากให้ซีนตอนกลางคืนนี้คือ The Best ไปเลย