การทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home กับการทำงานแบบ BYOD (Bring Your Own Device) คือการนำอุปกรณ์ IT ส่วนตัวมาใช้ในการทำงานร่วมกันได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก แน่นอนว่าการใช้งานลักษณะนี้ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย แถมยังเป็นการเปิดช่องโหว่ให้เหล่าอาชญากรไซเบอร์หรือแฮคเกอร์ ฉวยโอกาสสร้างความเสียหายแก่ผู้ใช้งานผ่านอินเตอร์เน็ตหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเว็บไซต์ปลอม แพร่มัลแวร์ผ่านอีเมลฟิชชิ่ง (Phishing) หรือเผยแพร่ข้อมูลปลอมต่างๆ (Fake news)

นักวิจัยของ Kaspersky ได้ตรวจพบว่าเหล่าแฮคเกอร์กลุ่มนี้ ชอบใช้ความหวาดกลัวต่อโรคระบาดของคน โดยการปลอมแปลงเอกสารให้มีลักษณะคล้ายกับอีเมลของหน่วยงานภาครัฐ แล้วเมื่อไหร่ที่ผู้ใช้กดเปิดลิงก์ที่แนบมาก็อาจถูกดึงข้อมูลไปได้ ดังนั้นการที่พนักงานออฟฟิศส่วนมากที่ใช้ Smart Device ส่วนตัว มาเรียกใช้ข้อมูลของหน่วยงาน อย่างเช่นการอ่านอีเมลของหน่วยงานผ่าน Tablet ส่วนตัว ใช้โปรแกรม Chat Application พูดคุยเรื่องเนื้อหาในการทำงาน รวมถึงส่งข้อมูลสำคัญของบริษัทผ่าน Smart Device ก็อาจเกิดอันตรายต่อการโจรกรรมข้อมูลได้!!! 

แล้ว Smart Device แบบไหนล่ะ ที่มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย?

Samsung Electronics ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก ให้ความสำคัญมากกับความปลอดภัยของข้อมูลที่มาพร้อมกับ Smart Device ทุกชนิด ทั้ง Smartphone และ Tablet แน่นอนว่า ข้อดีของการใช้ Smart Device ของเราเองในการทำงาน คือความสะดวก รวดเร็วในการเข้าถึงทั้งข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลบริษัท ไม่ต้องถ่ายโอนไฟล์ไปมา รวมถึงความคุ้นเคยในการใช้อุปกรณ์ แต่อย่างไรก็ตามความสะดวกสบายเหล่านี้อาจมาพร้อมกับความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญๆ ทาง Samsung เลยขอแนะนำการเลือกซื้อ Smart Device ที่มาใช้งาน ตามนี้...


#1 มีแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัย 

Smartphone ควรได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดเครื่อง โดยควรเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกฝังอยู่ในเครื่องตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต และมีระบบมาตรฐาน ความปลอดภัยของข้อมูลขั้นสูงที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดย Samsung Knox มีระบบความปลอดภัยในระดับเทียบเท่ากับที่ใช้ในหน่วยงานความมั่นคง (Defense-grade Security) ที่ประกอบไปด้วยการป้องกันและกลไกด้านความปลอดภัยที่ซ้อนกันหลายระบบช่วยป้องกันการบุกรุก Malware และภัยคุกคามอื่นๆ อีกมากมาย 




#2 มีการยืนยันตัวตนแบบ Biometrics 

การพกพา Smart Device ไปด้วยทุกที่อาจมีความเสี่ยงที่อุปกรณ์จะสูญหายหรือถูกขโมยข้อมูลสำคัญ ดังนั้นการยืนยันตัวตนแบบ Biometrics หรือการพิสูจน์ตัวตนด้วยการจดจำใบหน้าและลายนิ้วมือ จะช่วยให้มั่นใจว่า เราเป็นคนเดียวที่ใช้งานเครื่องนั้นได้ แถมยังง่ายยิ่งขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับ Samsung Pass ที่จะช่วยจดจำพาสเวิร์ดสำคัญ ให้เราเข้าถึงการใช้งานที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เพียงแค่ใช้การมองหรือสัมผัส ผ่านการทำงานของเทคโนโลยี FIDO (Fast Identity Online) เพื่อให้การตรวจสอบถูกต้องอย่างแท้จริง




#3 มีพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลส่วนตัว 

Smartphone ถือเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ เปรียบได้ทั้งเป็นกระเป๋าสตางค์ สมุดโทรศัพท์ อัลบั้มภาพถ่าย คอมพิวเตอร์พกพา ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ผู้ใช้งานควรสร้างพื้นที่เข้ารหัสแยกเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวอีกชั้นหนึ่ง โดย Secure Folder จะเก็บข้อมูลของเรา เพื่อให้เราคนเดียวเท่านั้นที่จะเข้าใช้งานส่วนที่เป็นส่วนตัวที่สุดของโทรศัพท์

#4 สามารถการป้องกันการเชื่อมต่อที่อันตราย 

การเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi สาธารณะ อาจทำให้ผู้ที่ไม่หวังดีเห็นข้อมูล ดักจับ แอบอ้างหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลของผู้ใช้ได้ จึงควรเลือก Smartphone ที่มี Secure Wi-Fi เพื่อเข้ารหัส คุมปริมาณการใช้งาน Internet ขาออกและปิดการใช้งาน App. และเว็บไซต์ที่ติดตาม จะช่วยให้ใช้งาน Internet ได้อย่างปลอดภัยในการเชื่อมต่อไร้สายสาธารณะโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีการละเมิดความปลอดภัย



#5 สามารถแบคอัพข้อมูลยามฉุกเฉิน

เมื่อเกินเหตุไม่คาดฝัน อย่างเครื่องหายหรือโดนขโมย การที่เรายังสามารถติดตามเครื่องหรือจัดการกับข้อมูลในเครื่องได้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดย Find My Mobile service ของ Samsung จะอนุญาตให้เราเข้าถึงตำแหน่งของโทรศัพท์ได้ แบคอัพข้อมูลไปยัง Samsung Cloud, ล็อคหน้าจอ, ล็อคโทรศัพท์ และถ้าเราต้องการ เค้าก็ยังสามารถลบข้อมูลทั้งหมดได้อีกด้วย! ความลับต่างๆ ไม่ควรรั่วไหล พูดเลย!!!  

 
เพราะยุคนี้...ความปลอดภัยในข้อมูล คือเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุด ถ้าเราใส่ใจในการเลือก Smart Device ที่มาพร้อมคุณสมบัติเหล่านี้ ก็น่าจะหมดกังวลเรื่องเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ที่สำคัญ...ยังได้ขยายขีดจำกัดการทำงานจากที่บ้านให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วย! #ออฟฟิศรอดเราก็รอด #เราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน 




#CheezeLooker #News #Gadgets #SAMSUNG