สำหรับใครที่เป็นแฟนตัวจริงของ Nike ก็น่าจะพอรู้ว่า รองเท้าวิ่งในตระกูล Pegasus รุ่นแรก ถูกวางจำหน่ายในปี 1983 ในฐานะ "รองเท้าสำหรับนักวิ่งทุกคน" มีชื่อเสียงในหมู่นักวิ่งว่าเป็นรองเท้าสำหรับฝึกซ้อมวิ่งที่นักวิ่งให้ความเชื่อมั่น โดยตลอดระยะที่เวลาผ่านมา Nike ยกระดับรองเท้าวิ่งตระกูลนี้ด้วยเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะสมกับทั้งนักวิ่งสมัครเล่นและนักวิ่งอาชีพ... 


ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ Nike นำเสนอนั้น แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงในจุดที่เล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเป็นเสมือนมนต์วิเศษที่แฝงอยู่ในรองเท้าวิ่งตระกูล Pegasus รุ่นใหม่ทุกๆ รุ่นที่นักวิ่งทุกคนคุ้นเคยกันดี และความผูกพันนั้นยังแน่นแฟ้นต่อเนื่องมาจนถึงรองเท้าวิ่ง Nike Air Zoom Pegasus 37 


"Joan Benoit Samuelson" เป็นหนึ่งในนักกรีฑาอาชีพที่ผูกพันกับรองเท้าวิ่งตระกูล Pegasus มากเป็นพิเศษ โดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่เป็นที่จดจำ คือการที่เธอเปลี่ยนมาสวมใส่รองเท้าวิ่งตระกูลนี้ในวินาทีสุดท้าย ก่อนการลงแข่งขันมาราธอนครั้งสำคัญในเมืองบอสตันเมื่อปี 2008 และหลังจากนั้นมา เธอได้สวมใส่รองเท้าวิ่งตระกูล Pegasus มาอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ทศวรรษ (ก่อนหน้านี้ เธอสวมใส่รองเท้าวิ่งรุ่นคลาสสิคของ Nike เช่น รุ่น Daybreak, Odyssey และ Althea เวลาฝึกซ้อมกรีฑา) การสวมใส่รองเท้าวิ่งตระกูลนี้เมื่อลงแข่งขัน เป็นเสมือนเครื่องพิสูจน์ว่ามันสามารถมอบความกระชับ การตอบสนองที่ดี มีน้ำหนักเบา และความทนทานได้ทุกจังหวะที่เธอต้องการ...

เมื่อนึกย้อนไปถึงรองเท้าวิ่งตระกูล Pegasus รุ่นแรก Samuelson รำลึกถึงคุณค่าของรองเท้าวิ่งตระกูลนี้ โดยเฉพาะในแง่ความก้าวหน้าว่า "นวัตกรรม งานออกแบบ และคุณสมบัติของรองเท้าตระกูล Pegasus นั้นก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก โดยเป็นความก้าวหน้าที่เกิดจากการศึกษาและพัฒนาอย่างเป็นระบบ" เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่า "ถ้าคุณอยากรักษาฐานผู้ใช้งานในกลุ่มนักวิ่งที่ฝึกซ้อมอย่างจริงจัง และมีความรู้ความเชี่ยวชาญ คุณต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงเวลาการแข่งขันกรีฑาอาชีพ ฉันเลือกสวมใส่รองเท้าวิ่งตระกูล Pegasus ทุกครั้ง โดยเฉพาะถ้าฉันไม่แน่ใจว่าจะวิ่งไปถึงเส้นชัยได้หรือไม่"

Joan Benoit Samuelson nears the finish in her 1984 Olympic marathon victory. (Los Angeles Times)



สิ่งใหม่ๆ ในรองเท้าวิ่ง Nike Air Zoom Pegasus 37

- ทีมนักออกแบบของ Nike ปรับเปลี่ยนจากการใช้ชิ้นซูมแอร์ (Zoom Air Bag) ตลอดพื้นรองเท้าไปเป็นการใช้ชิ้นซูมแอร์ที่บริเวณปลายเท้าเท่านั้น (ปลายเท้าคือส่วนที่จำเป็นต้องมีชิ้นซูมแอร์มากที่สุด เพื่อช่วยจังหวะการยกเท้าขึ้นจากพื้น)

- ชิ้นซูมแอร์ของรองเท้าวิ่ง Nike Air Zoom Pegasus 37 มีขนาดใหญ่กว่าในรองเท้าวิ่ง Nike Air Zoom Pegasus 36 ถึง 2 เท่า ช่วยส่งคืนพลังงานกลับสู่ผู้สวมใส่ได้มากขึ้น

- ชิ้นซูมแอร์ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วยโฟมรีแอค (React Foam) ที่ทำหน้าที่เป็นพื้นกลางของรองเท้า โฟมรีแอคมีน้ำหนักเบา ตอบสนองได้ดีกว่า และทนทานกว่าโฟมคุชลอน (Cushlon) ที่ Nike เคยใช้



- หน้าผ้ารองเท้าแบบโปร่งแสง ช่วยให้รองเท้ามีน้ำหนักเบาและดูคล่องตัว

- บริเวณกลางเท้าอัพเดตโครงสร้างฟิต แบนด์ ช่วยกระชับกลางเท้าให้มากขึ้นเมื่อสวมใส่

- การไล่เฉดสีที่ด้านข้างของรองเท้าช่วยเน้นตำแหน่งของชิ้นซูมแอร์ที่ปลายเท้า


คุณสมบัติเดิมที่ยังคงอยู่

- บริเวณคอลล่าร์ของรองเท้าถูกทำให้เรียวเล็กลงและห่างจากบริเวณเอ็นร้อยหวาย ซึ่งได้ถูกออกแบบให้เป็นไปตามความคิดเห็นของนักวิ่ง

- พื้นรองเท้าแบบวาฟเฟิล (Waffle Rubber) ที่ทนทาน

- ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนรองเท้าวิ่งตระกูล Pegasus ไปอย่างไร นักออกแบบของ Nike คำนึงถึงงานออกแบบที่มีคุณภาพและประโยชน์ที่นักวิ่งจะได้รับเสมอ โดยเฉพาะด้านความกระชับและความสบายขณะสวมใส่

"Nike Air Zoom Pegasus 37" เริ่มวางจำหน่ายแล้ว รุ่นนี้มาในราคา 4,600 บาท สายวิ่งอย่าลืมตามไปดูได้ทางเว็บไซต์ nike.com และที่ร้าน Nike (บางสาขา)


#CheezeLooker #News #NikeAirZoomPegasus37 #Nike