DESIGNER TALK EP 09: SHONE PUIPIA ให้แฟชั่นเยียวยาจิตใจ ในวันที่อะไรๆ ไม่เหมือนเดิม

สิ่งที่ดีไซเนอร์ยุคนี้ต้องมี ในวันที่โลก(โรค)ไม่น่ารักกับเรา!
29.07.2020
1949
Shares
เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตอนนี้เราต่างยืนอยู่บนโลกที่แสนแปรปรวนมากไปด้วยเรื่องวุ่นวายต่างๆ นานา ถ้าจะเป็นเรื่องที่หนักสุดก็คง COVID-19 ที่อยู่กับเรามานานกว่าครึ่งปีนี่แหละ คงไม่ต้องพูดถึงว่าในชีวิตประจำวันของเราทุกวันนี้ ต้องเจอผลกระทบในด้านไหนบ้าง…
และหากเจาะลึกถึงโลกของแฟชั่นเอง ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย เหล่าดีไซเนอร์ นักออกแบบ ต่างต้องปรับตัว พลิกแพลงรูปแบบธุรกิจ รวมถึงสร้างสรรค์ผลงานออกมาเรื่อยๆ เพื่อให้โลกของแฟชั่นยังคงหมุนต่อไป
หนึ่งในนั้นคือ "โชน ปุยเปีย" ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ "Shone Puipia"



Who's Shone Puipia?
"โชน ปุยเปีย" หากได้ยินชื่อนี้ หลายคนคงคุ้นหูกันมาบ้าง ในฐานะที่เขาคือลูกของศิลปินชื่อดังอย่าง "ชาติชาย ปุยเปีย" และ "พินรี สัณฑ์พิทักษ์" แต่อีกด้านหนึ่ง ชื่อของเขากำลังขึ้นลิสต์ดีไซเนอร์ไทยรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองในวงการแฟชั่นบ้านเรา

โชนเติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นศิลปิน ทำให้เขาได้รับอิทธิพลด้านงานศิลปะ และซึมซับสิ่งเหล่านั้นมาตั้งแต่เด็กๆ จนกลายเป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้เขาเลือกเดินทางในสายงานดีไซน์จนจบการศึกษาจาก Antwerp Royal Academy of Fine Arts ในสาขา Visual Arts for Fashion สถาบันที่ขึ้นชื่อด้านการผลิตดีไซเนอร์ชื่อดังหลายคน อย่าง Martin Margiela,Dries Van Noten, Minju Kim เป็นต้น



วันนี้ #CHZ ชวน โชน ปุยเปีย มาคุยถึงเรื่องของงานแฟชั่น ในโลกที่อะไรๆ ไม่เหมือนเดิม พร้อมกับตั้งคำถามที่ว่า "แฟชั่นยังจำเป็นอยู่ไหมในชีวิตประจำวัน" รวมถึงเจาะลึกถึงแบรนด์ Shone Puipia แบรนด์ที่ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์เสื้อผ้า แต่เขากำลังสร้างงานศิลปะที่มีคุณค่าให้ผู้คนสวมใส่


#CHZ: ตัวตนของ "โชน" กับตัวตนของแบรนด์มีความคล้ายคลึงกันยังไง?
โชน: โดยพื้นฐานโชนมาจากครอบครัวของศิลปิน เราก็เลยได้รับอิทธิพลในเรื่องของศิลปะ ถูกซึมซับมาตั้งแต่เด็ก มันก็เป็นธรรมดาที่เราจะดึงความอาร์ต หรือมุมมองด้านทัศนศิลป์ มาใส่ในงานของเรา "Shone Puipia" ก็เช่นกัน ส่วนใหญ่คาแรคเตอร์ของแบรนด์เราจะดึงวิธีการคิดแบบ Collage Art มาใช้ เป็นต้นแบบ แนวคิดจากศิลปะแขนงต่างๆ มารวมกัน ที่เป็นการสร้างเรื่องราวใหม่ให้กับแบรนด์








#CHZ:
เสน่ห์ในงานของคุณที่คิดว่ามันแตกต่างจากคนอื่น
โชน: เราจะชอบเล่นเรื่องสีกับเรื่องของวัสดุ และในทุกๆ คอลเลคชั่นก็จะทดลองเทคนิคใหม่ๆ หรือผสมงานคราฟต์เข้าไป เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับการตัดเย็บ เราไม่เน้นให้มัน mass แต่เราอยากทำอะไรที่มันพิเศษให้กับลูกค้าจริงๆ อย่างคอลเลคชั่น 2020 ล่าสุดที่เพิ่งออกไป "Cloudbusting" เราออกแบบให้กับ "Uma" ศิลปินชาวไทย-อังกฤษ สำหรับการทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรป ซึ่งโชนใช้เทคนิคในการผูกวัสดุต่างๆ ไปกับโครงเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นชุดเดรสที่สร้างจากการมัดพู่เส้นไหมกับโครงตาข่ายมาคราเม่ หรือเสื้อคลุมที่ทำมาจากการเย็บริบบิ้นเป็นโครงแล้วนำไปผูกกับเศษผ้าที่เหลือใช้มาทำให้เกิดเป็นเทกซ์เจอร์ใหม่ๆ ขึ้นมา








.
.
.
โชนบอกกับเราว่า ถึงแม้คอนเสิร์ตที่ได้เตรียมกันไว้สำหรับการเปิดตัวคอลเลคชั่นจะต้องถูกยกเลิกไป แต่เขายังคงสื่อสารเรื่องราว เบื้องหลังของการดีไซน์เสื้อผ้า ผ่านบทเพลงโปรดชิ้นหนึ่งที่เขาฟังในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยมีนัยยะที่พูดถึงความโหยหา คิดถึง และเต็มไปด้วยความหวัง ซึ่งผลงานทั้งหมดขณะนี้ ได้จัดแสดงที่ soi sa:m (หากสนใจเข้าไปชื่นชมผลงาน ต้องทำการนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น)

3 Words to Describe "Shone Puipia"
"Bold" ความกล้า ความเด่นชัด
"Fluid" ความลื่นไหลในเรื่องของเพศ
"Craftsmanship" คุณค่าของทักษะด้านงานฝีมือ
.
.
.









#CHZ: คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ดีไซเนอร์ยุคนี้ต้องมี?

โชน:
อย่างแรกคือความยูนีค (Unique) ต่อไปคือความยืดหยุ่น (Flexibility) เพราะว่าช่วงนี้ เราต่างต้องมีการปรับตัวกันเยอะ และสุดท้ายคือความจริงใจ (Honest) ที่มีต่องานของตัวเองและคนดู








#CHZ: ถ้าให้มองการเติบโตของวงการแฟชั่นแบบเรา ตอนนี้กับในอดีตมันต่างกันมากไหม?
โชน: ช่วงนี้ก็เห็นว่ามีแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ๆ เกิดขึ้น มีคนที่คล้ายๆ กับเราที่ไปเรียนต่างประเทศ แล้วกลับมาทำสิ่งที่น่าสนใจมากขึ้น มีผู้เล่นมากขึ้นในวงการ ซึ่งมันก็ทำให้น่าตื่นเต้นดี โดยเฉพาะในสมัยนี้ มีเรื่องของความยั่งยืน งานคราฟต์เข้ามาด้วย

#CHZ: "Shone Puipia" ในวันแรก กับวันนี้ที่ผ่านมา 3 ปี มันเปลี่ยนไปยังไงบ้าง?
โชน: คิดว่างานมันเติบโตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจากตอนทำคอลเลคชั่นแรก เราเน้นเรื่องไอเดียและงานคราฟต์เยอะ เลยค่อนข้างเจาะคนเฉพาะกลุ่มนิดนึง แต่พอหลังจากนั้นผ่านมา 2 คอลเลคชั่น เราก็เข้าใจเรื่องเสื้อผ้ามากขึ้น เลยเข้าใจความต้องการของคนมากขึ้น...อีกสิ่งที่ชอบในการทำงานแบบ made to order คือเราค่อนข้างได้ใกล้ชิดกับคนที่จะมาใส่เสื้อเรา ในขณะที่ฟิตติ้ง หรือลองชุด เวลาเห็นความต้องการ เห็นการตอบสนองของเขามันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ในการทำงาน








#CHZ: มองแบรนด์ของเราในสัก 2-5 ปี ว่าเป็นยังไงบ้าง?
โชน: ค่อนข้างจะไปตาม flow ของมัน ไม่ได้อยากจะเร่งอะไร พยายามที่จะรักษามาตรฐานคุณภาพงานของเราไปเรื่อยๆ สตูดิโอของเราก็ค่อยๆ ขยายที่มากขึ้น ในปีนี้อาจจะมี collaboration project ซึ่งอยู่ในกระบวนการพัฒนาผ้า ส่วนปีหน้าจะมีทำ performance กับศิลปินชาวเดนมาร์กที่จะจัดแสดงที่สิงคโปร์








#CHZ: สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ส่งผลกระทบกับงานบ้างไหม?
โชน: ช่วงที่ต้อง Work From Home ที่สตูดิโอก็ต้องเปลี่ยนระบบนิดหน่อย ปกติโชนจะมีทีมช่างอยู่ ถึงแม้คนจะไม่เยอะมาก แต่เขาก็ต้องเอางานกลับไปทำที่บ้านต่อ แล้วอย่างที่บอกไปว่าจริงๆ เราจะมีการแสดงโชว์คอลเลคชั่นปี 2020 แต่ก็ต้องถูกยกเลิกไป เราจึงเปลี่ยนเป็นการเชิญเป็นการส่วนตัวให้คนเข้ามาดูที่โชว์รูมแทน ซึ่งก็ดีไปอีกแบบ มันแตกต่างไปจากแฟชั่นโชว์ทั่วไป เพราะว่าทุกอย่างเป็น made to order มันมีความใกล้ชิดมากขึ้น อย่างถ้ามีรอบสื่อ เราก็จะมีเวลาให้สื่อได้มาดูชิ้นงานอย่างใกล้ชิด แล้วเราก็ได้สื่อสารอธิบายงานของเราไป

#CHZ: ถ้าวันนี้มีคนบอกกับเราว่า "แฟชั่นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน"
โชน: เป็นคำถามที่สำคัญ โดยเฉพาะช่วง COVID-19 เสื้อผ้ามันไม่ใช่สิ่งแรกที่คนจะใช้จ่าย หรือลงทุนกับมัน งานของเราจึงต้องมีความพิเศษในเรื่องคุณค่า งานคราฟต์ ทักษะการตัดเย็บ หรือใส่เรื่องของความยั่งยืนเข้าไป








#CHZ: แฟชั่นจะช่วยเยียวยาจิตใจเรายังไงได้บ้าง ในวันที่โลกเราเป็นแบบนี้?
โชน: แฟชั่นเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก มันสัมผัสอยู่กับร่างกายของเรา ถ้าขาดมันไป อะไรบางอย่างก็คงจะหายไป โลกก็คงจะมืดมนกว่านี้ แฟชั่นจึงเป็นเรื่องของผู้คน สังคม และศิลปะ… ซึ่งแม้ว่าโลกเราจะแปรเปลี่ยน วุ่นวายแค่ไหน แฟชั่นจะยังคงเติมแต่งสีสันให้กับโลก และเสริมสร้างตัวตนให้กับเรา




Story by Ar Lhao


#CheezeLooker #CHZ #DesignerTalk #Online #06 #ShonePuipia