“MUSIC มิวสิก” ค้นหาความหมายที่แท้จริงของความรัก ความอบอุ่น ผ่านภาพยนตร์ MUSICAL สุดครีเอท

เพราะก่อนที่เราจะสามารถดูแลเอาใจใส่ใครให้ดีได้นั้น “เราต้องรักตัวเอง” ให้เป็นก่อน
13.03.2021
1710
Shares


ครั้งแรกกับผลงานการกำกับภาพยนตร์ Drama – Musical ของ Sia นักร้องชื่อดังผู้เคยฝากผลงานทั้งงานร้องเพลง และกำกับ Music Video ของตัวเองมาแล้วมากมาย และครั้งนี้เธอขอท้าทายตัวด้วยด้วยการเลื่อนขั้นเข้าสู่เบื้องหลังการสร้างภาพยนตร์ แถมยังพิเศษมากยิ่งขึ้น เมื่อได้สาวน้อย Maddie Ziegler แดนเซอร์คู่ใจของ Sia มาเป็นนักแสดงหลักในครั้งนี้ในบทบาทสุดท้าท้ายอย่างเด็กออทิสติก


.
.
.

 “I’m Gonna Help Her, Just Like She Helps Me 

หนึ่งประโยคเรียกน้ำตาที่จะทำให้คุณอิน-ซึ้งไปกับความรัก ผูกพันระหว่างสองสาวพี่น้อง ที่พี่สาวต่างพ่ออย่างซูนั้นต้องมากลายเป็นผู้ปกครองให้กับมิวสิก น้องสาวที่เป็นเด็กพิเศษ จากหญิงสาวที่ไม่มีภาระที่ต้องรับผิดอะไรในชีวิต กลับต้องมาปรับตัว และรับมือกับเรื่องที่ไม่คุ้นเคย ในขณะที่ชีวิตของซูยังคงมีทั้งปัญหาใหม่และเก่ารุมเร้า
 

.
.
.

 ความรู้สึกหลังดูจบ 

- ขอเริ่มกันที่เรื่องที่เราชื่นชอบที่สุดอย่าง Production Design กันก่อน เพราะว่ามันดีมาก ในด้านของการเลือกใช้สีในเชิงสัญลักษณ์เพื่อสื่ออารมณ์ความรู้สึกในตอนนั้นให้คนดูเข้าใจได้ง่ายขึ้น ผ่านมุมมองความคิดและจินตนาการของเด็กสาวที่เกิดมาพร้อมกับความพิเศษคนนี้




.
.
.
สำหรับในส่วนของพล็อตเรื่อง เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นหนังดราม่าหนักๆ ในเวอร์ชั่นที่ซอฟต์ ด้วยจังหวะการตัดต่อที่สลับไปมาระหว่างซีนในจินตนาการของเด็กพิเศษอย่างมิวสิก ที่ในชีวิตปกติอาจไม่ได้แสดงออกหรือสามารถสื่อสารให้คนรอบข้างสามารถเข้าใจสิ่งที่นึกคิดได้ 100% แต่ในโลกของจิตนาการที่ผู้กำกับอย่าง Sia ต้องการจะสื่อคือ การนำเสนอโลกในจินตนาการสุดสร้างสรรค์ที่เด็กคนนี้ได้สร้างขึ้นในรูปแบบ Musical ที่ถูกบอกเล่าเรื่องราวผ่านดนตรี และสีสันมากมายที่คุณไม่อาจจินตนาการได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ที่ถูกตัดสลับไปมาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้เนื้อเรื่องค่อนข้างเบาประมาณหนึ่ง ไม่ได้ดราม่าหนักจนเครียด

.
.
.
แต่ก็แอบเสียดายอยู่อย่างหนึ่ง ที่ตัวหนังทำให้เรารู้สึกอินแบบไปไม่สุดทางเท่าไหร่นัก ทั้งๆ ที่ตัวละครสำคัญทุกตัวมีปม และมีมิติหมด แต่ในแง่ของเนื้อเรื่องมันกลับรู้สึกว่า แอบขัดใจ ขัดฟีลในหลายๆ ซีน ประมาณว่ากำลังจะอิน ดึงดราม่า แต่ก็ต้องมาตัดเข้าพาร์ท Musical ซึ่งมีทั้งอันที่ตัดสลับไปมาได้ดี และอันที่รู้สึกว่าแอบโดดขัดฟีลไปสักนิด
 
ถ้าถามว่า “ร้องไห้” มั้ย คำตอบคือร้องแน่ๆ แต่ไม่ได้ฟูมฟาย แค่มีซีนให้ได้ซึ้ง ให้รู้สึกจุกๆ เหมือนโดนต่อยอยู่หลายซีน ซึ่งเรารู้สึกว่า มันเป็นซีนที่ตอบโจทย์ความรักในเรื่องการเยียวยากันและกัน เพราะก่อนที่เราจะสามารถมอบความรัก และการดูแลเอาใจใส่ใครให้ดีได้นั้น “เราต้องรักตัวเอง” ให้เป็นก่อน
 
การรันตีความดีงามด้วยการเข้าชิง 2 รางวัลระดับโลกจาก Golden Globe ในสาขา Best Performance by an Actress Motion Picture – Musical or Comedy และ
Best Motion Picture - Musical or Comedy
 
   ดูภาพยนตร์จบ อย่าเพิ่งรีบลุกออกจากโรงภาพยนตร์กันล่ะ เพราะว่าหลัง End Credit จบ มีความน่ารักแอบซ่อนเอาไว้


 Special Thanks:
www.imdb.com
  

 #watchlist #CheezeLooker #CheezeLookerRecommended #movie #music #drama #musical