6 นักแสดงนำแห่ง "4KINGS" กับการยกพวก(คุย) เปิดฉากปะทะ(ฝีปาก) แบบพร้อมหน้าเป็นครั้งแรก!!!

ตาให้ไว คอหมุนให้รอบ วิ่งให้เร็ว และ #โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม
04.12.2021
173915
Shares

ใกล้วันฉายเข้ามาทุกที สำหรับ "4KINGS" ภาพยนตร์แนว Coming of Age ที่ "พุฒิ - พุฒิพงษ์ นาคทอง" ผู้กำกับสายอาชีวะตัวจริง เสียงจริง ใช้เวลาประกอบร่างนานถึง 7 ปี ในการพัฒนาบท จากหนังสั้นตัวอย่าง 15 นาที ที่สร้างความฮือฮาในโลกโซเชี่ยล (ปัจจุบันมียอดดูเกือบสิบล้านวิว)

แต่กว่าจะออกมาเป็นเวอร์ชั่นที่ทุกคนกำลังจะได้เห็น เขาและโปรดิวเซอร์มากความสามารถ "ทอม - ฐณะวัฒน์ ธรรมปรีชาพงศ์" ต้องผนึกกำลัง ใช้ความอดทนมากมายกว่าจะผ่านด่านหินโหด ไม่ว่าจะเป็นสมาคมศิษย์เก่าอาชีวะของทั้ง 4 สถาบัน (เพื่อขออนุญาตในการใช้ชื่อ), การตามหานักแสดงที่ใช่ ไปจนถึงนายทุนที่เชื่อมั่นในตัวเขา จนในที่สุดก็ได้ค่ายหนัง "เนรมิตรหนัง ฟิล์ม" เป็นผู้สร้าง ก่อนที่จะโดนพิษ COVID-19 แบบเต็มๆ จนต้องเลื่อนการฉายจากเดิมออกไปอีกครั้งและอีกหลายครั้ง (นี่ยังไม่นับรวมกระแสแง่ลบในสังคมที่ตั้งคำถามว่า เราจะอยากดูเด็กช่างตีกันไปทำไม? ด้วยความที่มันเป็นเส้นบางๆ ระหว่าง 'นักเลง' กับ 'นักสู้' ในคราบ 'นักเรียน'...)




เกริ่นมาเหมือนจะได้คุยกับผู้กำกับ...เปล่าเลย เพราะวันนี้ ทีมนักแสดงนำ 6 คน พร้อมยกพวก(คุย) ปิด #CheezeLooker Studio เปิดฉากปะทะ(ฝีปาก) ให้ความอยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้มันปะทุแบบเดือดๆ กันไปเลย!!!


.
.
.

เป้ - อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบท "ดา อินทร"


"...ก็ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่อัตชีวประวัติของใครเลยที่พูดชื่อมา แต่เป็นเรื่องราวชีวิตของ 'พุฒิ' (ผู้กำกับ) ในฐานะของเด็กช่าง แล้วเอาชื่อของตำนานเด็กช่างมาตีความใหม่จนออกมาเป็นตัวละคร ก่อนที่ผมจะศึกษาชีวิตของ 'พี่ดา อินทร' ตัวจริง แล้วนำมาประกอบกัน ในส่วนมุมมองต่อเด็กช่าง ตอนเด็กๆ รู้สึกว่าน่ากลัวและเป็นภัยสังคมประมาณนึงครับ ในขณะเดียวกัน พอเราโตขึ้นมา คนที่เรียนสายนั้น ก็เป็นคนดีๆ เยอะแยะ เค้าก็โตมามีอนาคตที่ดี ก็รู้สึกว่ามันเป็นแค่ทางแยกของวัยรุ่นน่ะ ตัวเราเองยังออกไปชกต่อยอะไรบ้างเลย แต่เหมือนกับตรงนั้น สถาบัน สภาพแวดล้อม หรือการสั่งสอน มันทำให้เค้าเป็นแบบนั้น ทางเลือกมันอาจจะมีไม่เยอะหรอก มันมีแหละ...แต่อยู่ที่ว่าเค้าเลือกทางไหน ถ้าเค้าเลือกทางนั้นแล้ว ดีกรีความสุดของมันก็ค่อนข้างไปไกล...

"ผมไม่อยากคาดหวังให้เข้าไปแล้วเอาแต่ความมันส์ ตีกัน เหมือนหนังต่างประเทศหลายๆ เรื่อง เพราะว่าจุดมุ่งหมายหลักของผู้กำกับไม่ได้ต้องการแบบนั้น เค้าต้องการให้เข้าไปดูว่า เฮ้ย...เด็กช่างก็เป็นมนุษย์นะ ก็ยังมีส่วนที่เกเร เอากลับมาไม่ได้ หรือว่าส่วนที่บ่มเพาะเป็นคนดีก็มีเหมือนกัน

"แต่ที่แน่นอนคือคุณจะได้ความสนุกครับ ได้ดูทีมนักแสดงที่ผมคิดว่าแม่งเจ๋งมาก คุณได้ดูก็น่าจะแฮปปี้ ไม่ได้พูดถึงตัวเองนะ ผมหมายถึงทุกคนเลย...ในฐานะของภาพยนตร์ไทย ผมว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่เราโหยหากัน จะเห็นว่าผู้กำกับหรือทีมงาน ต่างก็รู้สึกว่าอยากดูเรื่องนี้ เพราะว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่เราอยากให้มีในประเทศไทย มันหายไปนานแล้ว...คุณจำเป็นต้องดูเรื่องนี้เหมือนกันครับ!" 


.
.
.

จ๋าย - อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี รับบท "บิลลี่ อินทร"

"มีช่วงหนึ่งของชีวิตที่ผมเหมือน 'บิลลี่' ต้องการการยอมรับและความรักจากใครสักคนที่มาเติมเต็ม แล้วผมว่าสถาบันแรกที่เค้าเรียกร้องก็คือ 'ครอบครัว' แต่ว่าครอบครัวมันไม่เติมเต็ม เราก็เลยไปเรียกร้องจาก 'เพื่อน' ส่วนเรื่องการเรียน ผมเรียน 2 รอบ รอบแรกผมเรียนอาชีวะ แต่เรียนไม่จบ เกเร แล้วก็ค่อยมาเรียนสายสามัญ มุมมองต่อคำว่า 'เด็กช่าง' เค้าก็คือเด็กปกตินี่แหละฮะ แค่เรียนสายอาชีพ ผมคิดแค่นั้นนะ เพราะว่าจากประสบการณ์ที่ผมเรียนทั้งช่างแล้วก็สายสามัญมา เด็กที่เค้าเฮ้วๆ จริงๆ ก็มีทุกสถาบัน...

"ช่วงที่เวิร์คช้อป มันก็หนัก เพราะเป็นช่วงที่ผมทัวร์อยู่เป็นประจำ มีวันว่างแค่ไม่กี่วัน ก็ต้องสลับเพื่อมาเล่นหนัง มีช่วงหลังๆ ที่กำลังจะถ่ายแล้ว ผมก็ต้องบอกเพื่อนในวง (ไททศมิตร) ว่า...ถ้าช่วงเดือนนี้ แปลกไปไม่ต้องตกใจนะ เพราะว่ามันไม่มีวิธีอื่นแล้ว แล้วผมก็คุ้นชินกับการการซ้อมแบบละครเวที ที่มันต้องได้ซ้อมจริงๆ อะ...พอซ้อมไม่ได้ ไม่มีเวลา ก็ซ้อมกับชีวิตจริงเลยแล้วกัน! ตอนไปทัวร์ก็แบบ...บิลลี่เล่นคอนเสิร์ตเป็นไงวะ บิลลี่กินข้าว บิลลี่นั่งรถตู้ บิลลี่รู้สึกยังไงวะ เวลาอยู่กับเพื่อนเป็นยังไง ก็ซ้อมกับชีวิตจริงก่อนที่จะไปเล่น...

"บทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้ ผมว่าเป็นวิธีการในการปกป้องบางสิ่งบางอย่างมากกว่า เอาจริงๆ มันเป็นบทเรียนเดียวกับที่ผมได้รับในชีวิตนั่นแหละ เมื่อตอนยังเด็ก เราไม่เคยเข้าใจเลยว่าวิธีการปกป้อง หรือวิธีการรักษาสิ่งใดไว้ มันมีหลายวิธี เมื่อเรายังเด็ก เราโง่ เราขาดความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถก็ไม่มี ทำอย่างอื่นไม่ได้ สิ่งเดียวที่มนุษย์อย่างเรามี...อย่างผมมี ก็คือ 'กำลัง' มันก็เลยใช้กำลังในการปกป้องทุกอย่าง มันเลยทำให้...แม้แต่ผู้ใหญ่มาสอน หรือใครมาสอน เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด เพราะเราไม่ได้ไปรังแกใคร เราแค่ปกป้องตัวเอง แต่เราใช้กำลังเท่านั้นเอง และการใช้กำลัง มันไม่ใช่ทางออก เราไม่ได้เก่งที่สุดในโลก สักวันหนึ่งมันจะมีคนที่เก่งกว่าเรา กล้าบ้าบิ่นกว่าเรา สุดท้ายแล้ว...มันก็จะจบด้วยความสูญเสีย"


.
.
.

โจ๊ก - อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ รับบท "มด ประชาชล"

"หนังเรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มี 'พุฒิ' นะครับ เพราะว่าเค้าก็พยายามมาหลายปี ผมเคยดูเวอร์ชั่นที่เป็นเดโม่ 15 นาที หลังจากนั้นพุฒิก็โทรมา อยากให้เรารับบทเป็น 'มด' ก็เลยพูดคุยกัน พุฒิก็พูดจาดี พยายามอธิบายว่าอยากให้เรามาทำอะไร ผมก็เลยถามว่ามีใครบ้าง พอรู้ว่ามีจ๋าย มีเป้ ผมก็เลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวเราก็ทำงานด้วยกันละกัน...

"ส่วนเรื่องที่ประทับใจก็คือจริงๆแล้วการไปทำงานด้วยกันในกอง ผมก็คิดว่าผมก็แฮปปี้แล้ว เพราะว่าได้ไปเจอกับทุกคน ด้วยความที่หนังมันค่อนข้างเป็นเรื่องราวของผู้ชายนะครับ มันก็สนุกดี ถึงแม้ว่ามันจะมีหลายๆ ซีนที่พวกเราอาจจะลำบากหน่อย แต่มันก็ผ่านมาด้วยดี... 

"สิ่งที่ผมได้จากหนังเรื่องนี้...ก็ได้เพื่อน ได้พี่ ได้น้อง ที่มาทำงานร่วมกันครับ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ทำความรู้จักกันไว้ ต่อไปนี้เผื่อมันจะได้ร่วมงานกันอีกก็น่าจะดี...หรือเปล่าไม่รู้! สำหรับคนที่จะมาดู ผมคงบอกไม่ได้ ว่าคุณจะได้อะไร ให้มาบอกว่ามันจะบวก จะลบ ก็คงพูดไม่ได้ คิดว่าถ้าเข้าไปดูก็อย่าคิดเยอะ อย่าคิดมากครับ ก็เตรียมใจไว้ครึ่งนึง อีกครึ่งนึงเผื่อไว้ให้สนุก จริงๆ แล้วมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันเป็นหนัง เพราะฉะนั้นมันก็อาจจะออกมาด้วยการเอ็นเตอร์เทนคน ก็ขอให้เข้าไปเอ็นจอยและมีความสุขกันครับ"


.
.
.

นัท - ณัฏฐ์ กิจจริต รับบท "โอ๋ ประชาชล"


"จริงๆ แล้วจะเด็กช่างหรือเด็กอะไรก็ตามแต่ เค้าก็เป็นเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่ต้องเจอประสบการณ์แตกต่างกันไป ทีนี้ไอ้คำว่า 'เด็กช่าง' ก็เหมือนถูกเอามาแขวนยี่ห้อเอาไว้ตอนหลังมากกว่า ดังนั้น การมารับบทเป็นเด็กช่าง สำหรับผม ต้องตัดคำว่า 'เด็กช่าง ไปไกลๆ ก่อน แล้วดูว่าตัวละคร 'โอ๋ ประชาชล' ต้องการอะไร แบคกราวด์ และนิสัยใจคอเค้าเป็นยังไงมากกว่า

"ความประทับใจในการถ่ายทำ ผมชอบซีเควนซ์ 'บ้านเมตตา' ทั้งหมดเลย เพราะว่ามันตื่นตาตื่นใจมาก ไม่เคยเข้าไปไง เรารู้สึกว่าเล่ายังไงก็ไม่เหมือน แค่โมเม้นต์เดินผ่านประตูเข้าไป ทุกอย่างมันโดนบีบให้รู้สึกกดดันไปหมด...

"ส่วนคำว่า 'พวกพ้อง' ผมว่าต้องคุยกันได้จริงๆ โดยที่ไม่ต้องคิดเยอะ รู้สึกก็พูดไป มีความเห็นต่อเรื่องอะไรก็พูดไป เพราะมันจะย้อนกลับไปว่า ถ้าเกิดเราพื้นฐานดีต่อกัน มันก็น่าจะง่าย แล้วผมก็รู้สึกว่า...เราควรมองภาพกว้างๆ ไว้ ชีวิตมันไม่ได้จบแค่ ช่วงชีวิตตรงนี้นะ ต้องสุดนะ แต่ให้มองภาพกว้างๆ แบบจริงๆ ว่า เมื่อคุณอายุ 30 - 40 - 50 แล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างมันเป็นผลต่อเนื่องกันหมด สิ่งที่ผมได้จาก '4KINGS' ก็คือ เราต้องถอยมาไกลๆ นิดนึง มองชีวิตภาพรวม เอาแค่ 5 ปี 10 ปี ข้างหน้า เราอยากเห็นตัวเองยังไง มันก็คือการเริ่มจากวันนี้ และถ้าเรามองกว้างจริงๆ ทุกอย่างก็จะสบายขึ้น"


.
.
.

ภูมิ รังษีธนานนท์ รับบท "รูแปง อินทร"

"ซีนที่ผมประทับใจที่สุด คือซีนที่สามโรงเรียนต้องมาเจอกันบนถนนแล้วก็ตีกันครับ ผู้กำกับประกาศเลย เฮ้ย! เดี๋ยวร้านค้าตรงกลางนะครับ สามารถหยิบขวด หยิบอะไรปากันได้เลยนะครับ เหมือนของจริงเลยครับ ทำลายล้างเลยครับ แต่ไม่มีคิวอะพี่คิดดูดิ ผมก็แบบเฮ้ย! อะไรวะเนี่ย แล้วแบบถึงเวลาจริงคือข้างในนั้นมีแต่เอ็กซ์ตร้าที่เป็นเด็กช่างตัวจริงเลย สั่งคัตแล้วก็ยังใส่กันอยู่ข้างหลัง ผมก็...เอาแล้ว ฉากนี้แม่งโคตรมันส์ ประทับใจผมมากเลย มีคนมีคนหัวแตกไปหนึ่ง แขนหักไปอีกหนึ่งครับวันนั้นน่ะ ก็เลยสนุกสนานมากเลย เกือบตายครับ โชคดีที่พี่เป้ช่วยไว้ ฮ่าๆๆ เป็นความมันส์บวกกับความต้องเอาตัวรอดกันเอง เหมือนสนามรบ สะใจดี ในหัวผมมีแต่คำว่า...ต้องหนี! ต้องหลบ! คือถ้ากล้องไม่แพนมา ผมก็จะไปอยู่ริมกำแพงอะ กลัว!

"การทำงานกับรุ่นพี่อย่างพี่โจ๊ก พี่เป้ เค้าจะไม่สอน แต่เค้าทำให้เราเห็น เราดู แล้วเราจำมากกว่า ประสบการณ์ของพี่ๆ มันทำให้ระบบในกองมันเร็วขึ้น เค้ารู้ว่าต้องคุยอะไรกับผู้กำกับ รู้ว่าต้องถ่ายทอดอะไรออกมายังไง ผมเห็นการทำงานจริงจังแบบมืออาชีพ ก็รู้สึกว่าเจ๋งมากอะ มันทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากคนรอบข้าง

"การได้มีส่วนร่วมใน '4KINGS' ทำให้ผมได้มิตรภาพ ได้พี่ๆ ได้เพื่อนๆ กลุ่มใหม่อีกกลุ่มหนึ่งเลย คือถ้าเดือดร้อนเมื่อไหร่ก็สามารถโทร.ขอความช่วยเหลือจากพวกเค้าได้ นอกจากนั้นก็ยังได้ความสนุก ได้ประสบการณ์ที่ดี ผมแม่งโคตรชอบเลย มันอยู่กันไปอยู่กันมาก็รู้สึกเหมือนพี่น้อง เหมือนเพื่อนกันจริงๆ"


.
.
.

ทู - สิราษฎร์ อินทรโชติ รับบท "เอก บุรณพนธ์"

"ผมไม่เคยต่อยตีกับใคร ไม่เคยมีเรื่อง ผมเป็นสายแบบ...ไม่อยากมีเรื่องอะ! ผมจะชอบอยู่คนเดียว แต่ถ้ามีเรื่องก็จะใช้ 'วาจา' มากกว่า สิ่งที่ได้มาระหว่างเวิร์คช้อป คือความเข้าใจในคำว่า 'ศักดิ์ศรี' เพราะผมไม่เคยมองในมุมนี้มาก่อน คือถ้าเจอในสถานการณ์จริง ยังไงผมก็หนีอยู่แล้ว ก็คือไม่มีศักดิ์ศรี กูจะเอาชีวิตรอด แต่ในหนังเรื่องนี้ ตรงนี้มันคือพื้นที่ของกู เขตของกู กูคุมอยู่ อะไรประมาณนี้ ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ดี...

"มุมมองต่อคำว่า 'เด็กช่าง' พูดตามตรง...เป็นความรู้สึกในแง่ลบ เพราะว่ามีแต่ข่าวเรื่องการตีกัน แต่พอมาเล่นหนังเรื่องนี้แล้ว ก็เริ่มรู้สึกเข้าใจในเหตุผลของเขามากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตามนะ ผมรู้สึกว่าคนเรามีแบคกราวด์และชุดความคิดที่ไม่เหมือนกัน โอกาสที่จะได้รับมากน้อยไม่เท่ากัน มันเลยทำให้เขาอาจจะต้องทำแบบนั้นครับ...

"ส่วนคำว่า 'พวกพ้อง' สำหรับผมมันก็เหมือน 'Safe Zone' ของเรา ที่ไม่ว่าเราจะออกไปเจอเรื่องอะไรมา ไปทำงานอะไรมา แล้วเราก็จะต้องกลับมาเจอเพื่อนๆ พวกพ้องที่คอยซัพพอร์ตกันและกัน...และการที่ได้เล่นเรื่องนี้ ก็เหมือนได้เรียนรู้ว่า เหตุผลของการใช้ชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราต้องเคารพในเหตุผลของแต่ละฝ่ายด้วย ทั้งที่เราอาจจะยังไม่เข้าใจตอนนี้ก็ตามเหอะ แต่ว่าคือถ้าอย่างน้อยเราพยายามเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่ง มันก็จะอยู่ร่วมกันได้ง่ายขึ้น"


เรียนรู้/ ตกตะกอน/ เติบโต ไปกับบทพิสูจน์ตำนานเส้นทางนักสู้ มิตรภาพของลูกผู้ชาย สถาบัน  ศักดิ์ศรี พวกพ้อง อริ ความรัก และครอบครัว จากเหตุการณ์จริงของเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างนักเรียนช่างต่างสถาบัน ได้แก่ กนกอาชีวะ, ช่างกลบุรณพนธ์, เทคโนโลยีประชาชล (ดัดแปลงจากชื่อจริงของเทคโนโลยีประชาชื่น) และ อินทรอาชีวะ สู่ภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดบทเรียนชีวิตที่พวกเขาได้พบเจอ เมื่อความคึกคะนองในช่วงวัย สร้างมิตรภาพ พร้อมๆ กับสร้างศัตรู...




"4KINGS" นำแสดงโดย เป้ อารักษ์, จ๋าย ไททศมิตร, โจ๊ก อัครินทร์, ทู สิราษฎร์, ณัฏฐ์ กิจจริต, ภูมิ รังษีธนานนท์, บิ๊ก D Gerrard, เนโกะ เนรัญชรา และทีมนักแสดงที่จะสร้างความเซอไพรส์ให้กับทุกคนอีกมากมายแบบบรรยายตรงนี้ไม่หมด!

ประกาศพร้อมลุยทุกโรงภาพยนตร์ 9 ธันวาคมนี้!!!


#CheezeLooker #Recommended #WatchList #SpecialInterview 
#4kings #4kingsอาชีวะยุค90 #อาชีวะ90 #4kingsthemovie