"RITALINN IS BACK"

การกลับมาของวงดนตรีที่ถูกนิยามว่าเป็น Emo-Punk ฝีมือดีที่หาได้ยากในบ้านเรามาตั้งแต่ปี 2005 กับภาพจำแบบดุดัน ดำ ดาร์ค...
03.06.2022
11361
Shares
มีประโยคหนึ่งที่บอกว่า "Music is like a drug but there’s no way to quit."

เรื่องนี้ดูจะไม่เกินจริงเท่าไหร่ เพราะเมื่อเราได้มีโอกาสพูดคุยกับสมาชิกวงที่มีชื่อคล้ายๆ ยาประเภทหนึ่ง ก็รู้ทันทีว่า ข้อบ่งใช้ของพวกเขาสุดจะตรงไปตรงมา เพียงแค่อยากให้ผู้ใช้ค่อยๆ ซึมซับกับผลงานที่ตั้งใจกลั่นเป็นเรื่องราว ผ่านท่วงทำนองของดนตรีที่คุ้นชิน ในบริบทใหม่ที่แตกต่างออกไปทั้งรูป รส กลิ่น เสียง โดยมีผลข้างเคียงเป็นความรู้สึกแบบ Nostalgia นิดๆ เพราะมีใครมั่ง จะไม่โหยหาความสนุกในวันที่เราสามารถกระโดดโลดเต้นแบบเดือดๆ ได้อย่างอิสระเสรี...  


และนี่คือการกลับมาของ "RITALINN" (ไรทาลิน) จากค่าย "VOM Records" ที่ประกอบไปด้วย เฟิร์น - นันธิภาคย์ สินสิวะมงคล (Vocal & Guitar), อาร์ต – คงกฤษ คล้ายแดง (Guitar), โจ - ปราโมทย์ แก้วจันทร์ (Bass) และ บอล - พงษ์ดนัย นัยนานนท์ (Drum) ซึ่งในวงการเพลงไทย พวกเขาถูกนิยามว่าเป็น Emo-Punk ฝีมือดีที่หาได้ยากในบ้านเรามาตั้งแต่ปี 2005 พร้อมกับภาพจำแบบดุดัน ดำ ดาร์ค...แต่นั่นคือเรื่องราวของอดีต!

เพราะภาพจำของ "RITALINN" ในยุคนี้ ต้องมาแบบตะโกนด้วยสีสันและฝีมือที่เติบโตขึ้นเท่านั้น!!!
.
.
.



#CheezeLooker: อยู่จุดนี้มานาน…นิยามตัวเองในวงการเพลงไทยว่ายังไง?

RITALINN: "เราเริ่มทำวงกันจริงๆ ปี 2003 ตอนนั้นยังมีแค่สองคนคือบอลกับเฟิร์น ถ้าเป็นรูปเป็นร่าง เป็น 'RITALINN' จริงๆ ก็ปี 2005 พวกเราถูกนิยามว่าเป็น Emo-Punk ซึ่งเราก็เริ่มกันมาจากจุดนั้นแหละครับ เราชอบดนตรีที่มันคล้ายๆ กัน แล้วมาจูนกันที่ทางนี้ ก็อาจจะมีปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังคงความเป็นตัวเราอยู่"
 
#CheezeLooker: ความอีโมคืออะไรกันแน่!?

RITALIN: "แปลตรงตัวก็คืออารมณ์ ดนตรีทุกแนวมีเรื่องอารมณ์ของตัวมันเองอยู่แล้ว แต่อีโมจะมีความเฉพาะเจาะจงนิดนึง เพราะมันมีเรื่องของแฟชั่นเข้ามาด้วย"

 



#CheezeLooker: การได้ทำเพลงในยุคสมัยที่แตกต่างกัน มันรู้สึกยังไงบ้าง?

FERN: "เมื่อก่อนการทำเพลงจะใช้เวลาเยอะ เพราะว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของพวกเราตอนนั้นคือห่วยแตกมาก ส่วนใหญ่เราจะอัดกันที่บ้าน ไม่ได้ไปห้องอัดหรือห้องซ้อม เราเน้นเดโม่ก่อน เน้นจำนวน ให้ได้เพลงอย่างที่ต้องการก่อน...แต่ตอนี้ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น แต่ละคนทำเพลงที่บ้านกันได้หมดแล้ว เราแชร์ไอเดียกันไปมาได้ไวขึ้น แล้วค่อยมารวมตัวกันในขั้นตอนสุดท้าย"

BALL: "เราจะมีเวลาขลุกอยู่ด้วยกันเป็นปีๆ ในช่วงแรก มันก็เลยจะได้งานเป็นก้อนเดียวกันในอัลบั้มนั้นๆ แต่พอเว้นช่วงไป ในช่วงวัยที่แต่ละคนต่างมีภาระหน้าที่ที่ต้องแยกย้ายกันไป ถึงจะได้เจอกันตลอด แต่การทำเพลงก็จะมีความแปลกแตกต่างไปจากตอนแรก ต้องมีการปรับตัวกันอยู่พักหนึ่งกว่าจะลงตัว...ผมรู้จักทุกคนตอนช่วงมหา'ลัย ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ก็ยังรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่น จริงใจของทุกคนว่า มันตั้งใจมาทางนี้กันแล้ว บางช่วงเหมือนจะหาย เหมือนจะเลิกเล่นกันไป แต่สุดท้ายมันก็ต้องกลับมารวมกัน ก็นับถือใจของทุกคนครับ เราร่วมหัวจมท้ายกันมานาน วันนี้เราก็กำลังจะมีอะไรใหม่ๆ ที่ดีขึ้น ออกมาให้ทุกคนติดตามกัน"


 

#CheezeLooker: สิ่งใดในยุคนั้น ที่อยากให้มีอยู่ในยุคนี้

RITALINN: "สิ่งที่ผมคิดถึงในยุคแรก มันน่าจะเป็นคัลเจอร์ที่แตกต่างในแนวทางดนตรี รวมถึงวิถีชีวิตด้วย อย่างคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกับพวกเรา แฟนเพลงที่โตมาด้วยกัน ในเจเนอเรชั่นที่ฟังเพลงเหมือนกัน ต่างเติบโตมาในแบบที่...ถ้าเราเล่นคอนเสิร์ต ก็ยังได้เจอหน้ากันอย่างใกล้ชิด" 


#CheezeLooker: อีโม = ความขบถ?

RITALINN: "เรามองว่ามันเป็นวิถีการใช้ชีวิตมากกว่า ความคิดความอ่านก็จะมีความขบถ ไม่ค่อยตามกฎหรือตามระเบียบที่สังคมวางไว้ เป็นคนที่อยากแสดงออกทางร่างกาย เวลาที่อยู่ในคอนเสิร์ต พวกเค้าจะเต้น จะปลดปล่อยอารมณ์กันเต็มที่ อาจจะดูรุนแรงในสายตาคนอื่น แต่ก็ไม่ได้ไปทำร้ายใคร แล้วมันก็กลายเป็นความเกี่ยวข้องกับเรื่องแฟชั่นด้วย แต่ละคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เค้าจะเรียกกันว่า 'เด็กชุดดำ' หรือที่ได้ยินบ่อยๆ ว่า 'ชาวร็อคต้องชุดดำ' แต่สีดำของพวกเค้าก็แค่ส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น เพราะสิ่งที่สำคัญคือการที่ได้รวมตัวอยู่ในที่ๆ มีแต่ผู้คนที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกันเท่านั้นเอง"




#CheezeLooker: พูดถึงความชอบในเรื่องแฟชั่น

JOE: "ผมเป็นคนชอบแต่งตัว ชอบซื้อเสื้อผ้ามาสะสมไว้เรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ ในส่วนของวง แรกๆ ทุกคนจะมีแนวทางชัดเจน แต่ยังอยู่ในขอบเขตเดียวกัน มาช่วงหลังเราก็มีการพัฒนาให้มีคาแรคเตอร์มากขึ้น ในแบบที่ยังเป็นตัวเองนะ ผมก็เลยเริ่มจับเพื่อนๆ แต่งตัว กลายเป็นเรื่องที่สนุกมากเวลาอยู่ด้วยกัน"

FERN: "ส่วนผมก็เริ่มจากการได้อิทธิพลมาจากสื่อต่างประเทศ พอเราเห็นศิลปินที่ชอบเค้าแต่งตัวยังไง เราก็มีอยากใส่แบบนั้นแบบนี้ตามเค้าบ้าง ก็มีการทดลองไปเรื่อย มั่วๆ ซั่วๆ แต่ก็ยังเน้นความเป็นสเก็ต พังค์ ป๊อป จนหาเจอในสิ่งที่เราชอบและเข้ากับเราจริงๆ"

BALL: "ผมชอบแนวสตรีทแวร์ทั่วไปเลย เน้นความเรียบง่าย สบายๆ ตีกลองคล่องๆ"

ART: "สำหรับผมก็ได้อิทธิพลมาจากศิลปินที่เราชอบเช่นกัน แต่พออายุมากขึ้น ก็ไม่ได้จัดจ้านเท่าตอนวัยรุ่นแล้วนะ จะเลือกในสิ่งที่เข้ากับสถานการณ์มากกว่า"


 
#CheezeLooker: รูปรสกลิ่นเสียงเปลี่ยนไป...แต่ 'ลายเซ็น' ไม่เปลี่ยนตาม

JOE: "จริงๆ แล้ว แนวดนตรีนี้ จากประสบการณ์สิบกว่าปีที่ผ่านมา มันบอกว่า จริงๆ แล้ว เราชอบดนตรีแบบนี้แหละ เฟิร์นร้องและเล่นกีต้าร์แบบนี้ บอลตีกลองแบบนี้ อาร์ทเล่นไลน์กีต้าร์แบบนี้ ผมเล่นเบสแบบนี้ สุดท้าย มันก็ออกมาเป็น 'RITALINN' โดยธรรมชาติ ที่มีความเป็นอีโมซึ่งผสมผสานกันอยู่ในเพลงของพวกเรา สมมุติว่าเราเอาคนอื่นมาแทนในตำแหน่งไหน เพลงมันก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่ง รูปแบบของดนตรี ไลน์กีต้าร์ มันก็คงจะเป็นอีกแบบ ถ้าเพลงของพวกเรา ไม่ใช่บอลตีกลอง ผมว่า อารมณ์เพลงมันก็จะไม่ออกมาพังค์แบบนี้ก็ได้ หรือถ้าไม่ใช่เฟิร์นร้องนำ มันก็อาจจะเป็นเพลงป๊อปรั่วๆ ไม่แน่น ไม่หนัก"

FERN: "ผมว่ามันอยู่ที่พื้นฐานดนตรีของแต่ละคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน คล้ายกัน แล้วเอามายำรวมกันอีกทีตามคาแรคเตอร์ตัวเอง"


#CheezeLooker: การทำงานกับ "VOM Records"

RITALINN: "การทำงานกับ "VOM Records" ไม่ยากนะ เพราะว่าเราคุยกันง่ายๆ ทุกคน แต่ก็เน้นด้วยเนื้อหา แต่อาจจะมีหลุดๆ มั่วๆ บ้าง สำหรับพวกผม ในสิ่งที่เราอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ ในระบบการทำงานแบบค่ายเพลง ซึ่งบางเรื่องก็ต้องเก็บไปตีความก่อน แต่ว่าเรื่องทำเพลง เรื่องไอเดียทุกอย่าง เราเคลียร์จบ วันสองวันได้เรื่อง ผมว่าทุกคนก็ปรับตัวเข้ากับค่ายได้แบบสบายๆ เลย"

 

#CheezeLooker: เสียเวลา [Wasted Time]

RITALINN: "เป็นเพลงที่พวกเราเพิ่งปล่อยไป คนที่ฟังแล้วอาจจะรู้สึกว่ามันคล้ายๆ ของเดิม แต่จริง ๆ สำหรับพวกผมมันแตกต่างเยอะมาก เพราะตัวเพลงถูกกลับไปทำแบบ Back to Basic ทำอะไรง่ายๆ โดยใส่ไอเดียของทุกคนเข้ามาให้ร่วมสมัย อย่างเพลงก่อนๆ คนฟังจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปที่ยุคนั้นๆ ช่วงยุค 2000 ต้นๆ แต่เพลงนี้มันร่วมสมัยตรงที่ว่า...มีเสียง มีซาวด์ มีดีเทลหลายอย่างที่ทำให้มันแตกต่างขึ้น แต่ด้วยแพทเทิร์นแบบ Pop-Punk ที่เราทำ มันก็เลยทำให้เพลงดูเรียบง่าย แต่ก็ดูมีอะไร...
"ในส่วนของลุค ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเราอยากจะแต่งตัวแบบร้อนๆ หน่อย มีสีสันขึ้นมาหน่อย เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวกันดูบ้าง เมื่อก่อนก็จะเป็นแบบสบายๆ เน้นโทนสีดำ แต่ด้วยความที่เพลงนี้มันพิเศษและถูกปล่อยออกมาในช่วงซัมเมอร์ เราไม่อยากให้มันดูเป็นอะไรที่ดาร์คมาก ก็อยากให้มันมีความสดชื่น ฟังแล้วใจมันไม่ดาร์ค ไม่ว่าจะเปิดมาในฤดูไหน อารมณ์ใดก็ตาม อยากให้กลายเป็นเพลงสเปเชี่ยลที่คอยอัพมู้ดของทุกคน"


#CheezeLooker: อยากบอกอะไรกับคนที่ติดตาม "RITALINN" มาตั้งแต่ยุคแรก

RITALINN: "ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณแฟนเพลงยุคเก่าๆ ที่ยังติดตามกันมาตั้งแต่วันที่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ มันทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราทำเนี่ย มีคนฟังจริง มีคนชอบจริง และมีคนที่ยังติดตามอยู่จริง...ส่วนแฟนเพลงที่เพิ่งเข้ามาทำความรู้จักกกัน ก็ขอบคุณมากเช่นกันครับที่เปิดโอกาสในการรับฟังและให้โอกาสเพลงของเรา ได้เข้าไปอยู่ในหูพวกคุณ ในความคิดพวกคุณด้วย คงไม่มีคำพูดไหนนอกจากคำว่า 'ขอบคุณ' ที่ยังจำกันได้ ยังตามมาสนับสนุนกันในงานต่างๆ เสมอ แค่นี้แม่งก็โคตรอบอุ่นแล้วครับ!"




#CheezeLooker #SpecialInterview #RITALINN #VOMRecords