"THE END OF F***ING WORLD 2" ในโลกห่วยๆ ที่ช่วยไม่ได้ กลับโรแมนติกและเจ็บปวดกว่าที่คิด

#WatchList มาค้นหาคำตอบของตอนจบในซีซั่นที่แล้วกัน ว่าชีวิตของพวกเค้าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
08.11.2019
7104
Shares


หลังจากที่ตอนจบของซีซั่นแรกทำให้หลายๆ คนเกิดความรู้สึกแบบค้างคาในใจว่าชีวิต James กับ Alyssa จะเป็นอย่างไรต่อไป James จะรอดมั้ยนั้น ซีซั่น 2 นี้จะตอบคำถามทุกความสงสัยของคุณให้ชัดขึ้น

เรื่องราวในซีซั่นนี้จะเป็นเรื่องราวหลังจากผ่านไปสองปี ที่เล่าว่าแต่ละคนมีชีวิตกันยังไงบ้าง โดยเฉพาะ James และ Alyssa นั้นยังรักกันอยู่มั้ย และที่เพิ่มเติมมาคือ การตามแก้แค้นของคาแรคเตอร์ใหม่อย่าง Bonnie ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากซีซั่นแรก

 


ความรู้สึกหลังดูจบ 

  - เพลงจากซีซั่นแรกเคยดีงาม และสอดคล้องเข้ากับเนื้อเรื่องมากแค่ไหน ซีซั่นนี้ให้คูณสองเข้าไปเลย คือทีมงานนี้ยังคงคัดเลือกเพลง Soundtrack มาประกอบในแต่ละซีนได้ดีมาก และสิ่งนี้มันยิ่งทำให้เราอินไปกับแต่ละซีนในซีรีส์ยิ่งขึ้น

 


 
- สิ่งที่โดดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่การเลือกใช้เพลง หรือเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นที่ถูกนำเสนอในมุมมองที่แตกต่าง แต่ยังมีเรื่องของโทนสี ที่ถ้าลองสังเกตดีๆ ทั้งในซีซั่น 1 และ 2 นั้นจะมีการหยอดเฉดสีแดงลงไปในแทบทุกฉากทุกตอน ทั้งโลเคชั่น เสื้อผ้า ไปจนถึงของใช้ต่างๆ ที่ประกอบอยู่เรื่องนี้ แนะนำให้ลองสังเกตุดู แล้วจะรู้ว่า มันเป็นสีแดงจริงๆ และสำหรับซีซั่นนี้สิ่งที่สะดุดตาเราที่สุดคือ มีการใช้โทนสีแดงเยอะมาก และแทบจะอยู่ในทุกๆ ซีน





 
- ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการดู The End of F***ing World จะมีโมเม้นท์ที่ทำให้คนดูอย่างเราเขินตามเบาๆ เพราะภาคแรกมันค่อนข้างมีความขวางโลก ตลกร้าย จิกกัดสังคมได้แสบ และไม่ได้มีความโรแมนติกแบบที่มนุษย์ทั่วไปเค้ามีกัน


 
- หลังจากได้ดู Naomi Ackie นักแสดงที่มารับบท Bonnie ในซีซั่นสองนี้แล้ว มันทำให้เรานึกถึง Lupita Nyong’o จากเรื่อง Us เลย ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นนักแสดงผิวสีเหมือนกัน และมีฝีมือการแสดงบทจิตๆ ได้อย่างน่าทึ่ง มันเลยให้ความรู้สึกน่ากลัวปนหลอนคล้ายๆ กัน แต่ความหลอนของ Bonnie ที่มีความแค้นกับ James และ Alyssa นั้นมันน่ากลัววกว่ามาก เพราะมันมีความเรียลที่ดูเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง




 
- ยังคงนำเสนอความดาร์คของสังคมได้แสบสันเหมือนเดิม แต่ถ้าถามว่าชอบซีซั่นไหนมากกว่า ขอบอกว่าเราชอบทั้งสองซีซั่นนะ มันมีสิ่งที่ดีต่างกัน ซึ่งในซีซั่นแรกเหมือนเป็นการพาเราเดินทางไปยังที่ต่างๆ ไปเจอความวายป่วงที่หนักขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงจุดจบที่ทิ้งคำถามไว้ให้คนดูต้องคิดต่อไปว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเค้าทั้งสอง แต่สำหรับซีซั่นสองนี้ มันนำเสนอเจ็บปวดของแต่ละคนที่ยังคงฝังใจกับเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตที่ตามหลอกหลอนมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งเอาจริงๆ ในตอนแรกทุกคนดูเหมือนจะสามารถก้าวต่อไป และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข แต่จริงๆ แล้ว ลึกๆ พวกเค้ายังไม่ลืมเรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะผ่านมานานแค่ไหน
 





#WatchList #CheezeLooker #LookeRecommended #series #NetFlix #theendoffuckingworld2 #darkdrama #teenager #crime