“IT’S A FLICKERING LIFE แด่ภาพยนตร์ที่ฉันรัก” เต็มอิ่มทุกอารมณ์กับความหมายของคำว่า “ครอบครัว” และ “การไล่ตามความฝัน”

#Watchlist 12 พฤษภาคมนี้ มาหัวเราะลั่นโรงฯ ไปพร้อมการเสียน้ำตาสุดประทับใจกัน
10.05.2022
3271
Shares



“อบอุ่นในทุกอณูดีเทล พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับคนที่หมดแรงจะสู้เพื่อตามหาความฝัน” 

.
“สร้างปรากฏการณ์ทำรายได้ถล่มทลายสูงกว่า 320 ล้านเยน และเข้าชิงรางวัลออสการ์ญี่ปุ่นมากถึง 8 สาขา”
 .


“It’s A flickering Life แด่ภาพยนตร์ที่ฉันรัก” พอดูจบแล้วมันให้ความรู้สึกที่ว่า “นี่แหละคือภาพยนตร์ที่ฉันรัก” และเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมากสำหรับเราที่จะอธิบายทุกความรู้สึกที่ได้จากการดูหนังเรื่องนี้ มันดีมากในทุกดีเทล กับผลงานการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของตำนานสตูดิโอที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น “โชจิกุ” (Shochiku) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากคณะละครคาบูกิตั้งแต่ปี 1895 ก่อนจะเริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในปี 1920 จนตอนนี้ได้กลายเป็นตำนานสตูดิโอที่เคยสร้างภาพยนตร์สุดคลาสสิคมาแล้วกว่า 500 เรื่อง โดยเฉพาะผลงานของปรมาจารย์ด้านการกำกับภาพยนตร์อย่างอันดับ 1 ของญี่ปุ่นอย่าง “ยาซูจิโร โอซุ” ที่หลายคนคุ้ยเคยกันดีในผลงาน Tokyo Story, Early Spring และ An Autumn Afternoon โดยครั้งนี้ได้อีกหนึ่งผู้กำกับมือฉมังอย่าง “โยจิ ยามาดะ” มาสร้างปรากฏการณ์ชั้นยอดเพื่อสดุดีเวทีภาพยนตร์
.
.
.
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวดราม่าสุดอบอุ่นของครอบครัวญี่ปุ่นกับความฝันสูงสุดคือการได้เป็นผู้กำกับชื่อดังของยุค ที่จะพาคุณย้อนกลับไปยังวงการภาพยนตร์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว และตัดสลับกับยุคปัจจุบันในรูปแบบที่เรียบง่าย แต่ยอดเยี่ยมในทุกองค์ประกอบ

.
.
.
ความรู้สึกหลังดูจบ
 
- ตัวอย่างภาพยนตร์นั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของความประทับใจไม่รู้ลืม ที่อาจจะดีแค่ไม่ถึง 10 % ของพล็อตหนังทั้งหมดด้วยซ้ำ กับหนังคุณภาพระดับนี้ที่เน้นย้ำความหมายของคำว่า “ครอบครัว” และ “การไล่ตามความฝัน”

.
.
.
- ด้วยการโปรโมทหนังที่ว่า “มันคือหนังที่จะทำให้คุณต้องเสียน้ำตา” ซึ่งเราก็ค่อนข้างตั้งความหวังไว้สูงประมาณนึงก่อนเข้าไปดู และก็ตั้งคำถามในใจตลอดการดูไปจนเกือบจบว่า มันยังแค่ตื้นตัน เต็มอิ่ม แต่น้ำตายังไม่ไหลพราก แต่สุดท้ายแล้วมันก็มีซีนสุดแสนจะธรรมดาในตอนท้ายที่ทำให้เราน้ำตาแตกจนได้ และเรารู้สึกว่าเรื่องราวในตอนนั้นมันมันคืออะไรที่เบสิคมาก แต่มันก็เรียลจนสามารถเติมเต็มความรู้สึกตั้งแต่ต้นจนจบที่หนังอยากจะสื่อได้อย่างยอดเยี่ยม และมันคือตอนจบที่คุณจะจดจำตลอดไป



.
.
.
แนะนำว่าทุกคนที่ทำงานหรือคลุกคลีในวงการภาพยนตร์ทุกคนควรดู โดยเฉพาะคนเบื้องหลังที่คอยสร้าง หนังผลงานดีๆ ออกมาให้เราได้รับชม เพราะมันจะทำให้คุณคิดถึงวิธีการถ่ายหนังและฉายหนังแบบเก่าๆ โดยการใช้ฟิล์ม การรันตีเลยว่าหลังคุณดูจบ คุณจะต้องคลั่งรักหนังเรื่องนี้แน่นอน


.
.
.
บทภาพยนตร์จัดเต็มกับดีเทลความตลกร้าย แต่อบอุ่นกินใจอย่างที่คุณคาดไม่ถึง! มันคือภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณหัวเราะไปพร้อมการเสียน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ ก็ประมาณว่า ในขณะที่คุณกำลังอินจุกๆ กับพล็อตสุดดราม่า ผู้กำกับก็แทรกเรื่องตลกที่เป็นธรรมชาติมากๆ เข้ามาสร้างเสียงหัวเราะขัดฟีลซะงั้น แต่มันเป็นการขัดฟีลลิ่งที่ลื่นไหลมาก แถมยังจิกกัดทั้งเรื่องของสังคมและการทำหนังในยุคเก่าได้อย่างยอดเยี่ยม ชนิดที่ว่าคุณจะแสยะยิ้มตามตลอดทั้งเรื่องกับความตลกร้ายที่น่าเอ็นดู
 

.
.
.
จัดเต็มกับนักแสดงมากฝีมือทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ เริ่มด้วยนักแสดงชื่อดังของยุคนี้อย่าง “มาซากิ สุดะ”และ “เมอิ นากาโนะ” รวมนักร้องหนุ่ม “โยจิโร่ โนดะ”จากวง Radwimps ที่มาประชันฝีมือกันแบบไม่ยั้ง ไปจนถึงตำนานนักร้องนำวงร็อคแห่ง The Tigers อย่าง “เคนจิ ซาวาดะ” ที่ต้องบอกเลยว่าคุณตาเค้าจัดเต็มมาก เล่นได้สมจริง น่าจดจำ และเป็นธรรมชาติมากๆ เรียกว่าอินกับคาแรคเตอร์จนกลายเป็นตัวแสบของแทบทุกซีน




.
.
.
มันเป็นการหยิบประเด็นสุดดราม่าของสังคมมานำเสนอในเวอร์ชั่นที่ไม่หนักจนปวดหัว พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับคนที่สู้เพื่อความฝันของตัวเองว่า “คุณพยายามทำเต็มที่หรือยัง เพื่อสิ่งที่ต้องการมากที่สุดในชีวิต” เพราะอย่างน้อยๆ ถ้าคุณได้ทุ่มเททั้งพลังกายพลังใจลงไปหมดแล้ว ก็จะได้ไม่ต้องมานั่งนึกย้อนหลังเสียใจกับ “เรื่องราวที่ผ่านมา”
 
Special Thanks:
cinefan.hkiff.org.hkwww.imdb.comjff.jpf.go.jp

 
#Watchlist #movie #japanesemovie #bestpicture #film #MPicture